เรื่องย่อหนัง หนัง Maleficent Mistress of Evil หรือชื่อไทยว่า มาเลฟิเซนต์ นางพญาปีศาจ เรื่องราวสานต่อจากภาคแรก เมื่อเจ้าหญิงออโรร่าต้องการแต่งงานกับเจ้าชายแต่ มาเลฟิเซนต์ไม่เห็นด้วย ก่อให้เกิดชนวนศึกครั้งใหม่ เมื่อราชินีอิงกริต (รับบทโดยมิเชล ไฟเฟอร์)ผู้เป็นแม่ของเจ้าหญิงออโรร่าตั้งกองกำลังทหารเพื่อสู้กับมาเลฟิเซนต์ และ เผ่าพันธุ์สัตว์วิเศษ เรื่องราวก้าวข้ามเทพนิยายสู่แอคชั่นแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ และการกลับมาอีกครั้งของ แองเจลิน่า โจลี่ สยายปีกนางฟ้าปีศาจในบทของมาเลฟิเซนต์
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าใครจะไปคิดว่า วายร้ายตัวท๊อป ที่เด็กๆ หลายคนเกลียดและกลัวอย่าง Maleficent นั้นจะถูกหยิบเอามาปัดฝุ่น เจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังความร้ายกาจของนาง ตีแผ่เหตุจูงใจที่ว่า ทำไมนางถึงต้องสาปเด็กหญิงให้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา จากวายร้ายที่หลายคนไม่เข้าใจ กลับกลายมาเป็นตัวละครที่หลายๆคนเห็นใจ และโกรธเธอไม่ลงจริงๆ
ถือว่าดิสนีย์หยิบเอาการ์ตูนคลาสสิคของตัวเองมาดัดแปลงใหม่จนได้รับความนิยมล้นหลาม ในที่สุดก็กลายมาเป็นไอคอนิก ที่เด็กๆ หลายคนอยากเป็นอยากเอาแบบอย่าง และนำพามาสู่การสร้างภาคต่อนั่นเอง
เดิมทีโปรเจค Maleficent 2 นั้นถูกวางคิวฉายไว้ปีหน้า 2020 แต่อาจจะเพราะด้วยการสร้างหนังนั้นดำเนินการถ่ายทำและ Post Production เสร็จเร็วกว่ากำหนดชนิดที่ว่า เสร็จเร็วมาก รวมไปถึงหนังดิสนีย์ที่เคยวางกำหนดฉายไว้ช่วงปีนี้อย่าง Artemis Fowl มีทีท่าที่จะไปไม่รอดในตารางหนังทำเงิน ทำให้ดิสนีย์ตัดสินใจ สลับโปรแกรมฉายหนังตัวเองชนิดที่ว่าสะเทือนวงการหนัง ด้วยการที่ปล่อย Teaser Poster Mafeficent: Mistress of Evil พร้อมวันฉายใหม่ คือตุลาคมปีนี้ ทำเอาแฟนๆหนังได้ตาร้อนกันเข้าไปใหญ่เพราะเลื่อนฉายเร็วขึ้น มันน่าจะมีอะไรซักอย่างที่ถูกใจผู้บริหารค่าย
ถึงขั้นยอมเลื่อนเร็วขึ้นปรับตารางโปรโมทหนังกันเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว
ซักเท่าไหร่เพราะว่าในเมืองนั้นได้มีเรื่องเล่าขานของนาง ซึ่งนางเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวอยู่สำหรับมนุษย์ทุกคน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ได้เกิดเรืองราวต่างๆมากมายเมื่อ Mafeficent เดินทางไปทานอาหารค่ำ จู่ๆราชาก็ได้หลับไหลเหมือนที่ออโรร่าเคยโดน ด้วยความที่หลายๆคนไม่เคยรับรู้ความจริงเกี่ยวกับ Maleficent ทำให้ชนวนสงครามระหว่างเมืองมัวร์ส กับมนุษย์ได้เริ่มกลับมาปทุอีกครั้ง พร้อมทั้งได้มีการค้นพบเผ่าพันธุ์สัตว์ชนิดใหม่ ที่มีรูปลักษณ์เหมือน Mafeficent เหตุการณ์จะจบลงเช่นได้อยากให้ไปดูจริงๆ
เอาเข้าจริงแล้วเนื้อเรื่องนั้นแทบจะไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลย เนื้อเรื่องดำเนินไปเป็นเส้นตรง จุดหักมุมที่มีก็ไม่ได้ Impact ซักเท่าไหร่เพราะว่าบางฉากนั้นก็ได้ถูกเล่าหรือกล่าวถึงไปในตัวอย่างหนังแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือด้วยความเรียบง่ายของตัวบทนี้ ส่งให้ แองเจลิน่า โจลี โชว์สักยภาพการเป็น Maleficent ได้น่าติดตามและน่าค้นหามาก เรียกง่ายๆเลยคือการแสดงของโจลี
สะกดคนดูได้อยู่หมัดโดยเฉพาะฉากที่เธอปล่อยผม คือความงามที่สุดครั้งนึงที่ถูกถ่ายทอดบนจอภาพยนตร์ และสิ่งหนึ่งที่ต้องยกนิ้วให้เลยคือ CGI ที่เรียกได้ว่าภาคนี้ขนมาจัดเต็มเอามากๆ ฉากต่างๆในเรื่องล้วนสวยงาม ชวนตกตะลึงเอามากๆ เอาเข้าจริงแล้วแค่เข้ามาดูแค่ฉากและ CG ของเรื่องนี้เรียกได้ว่าคุ้มอีกแล้ว
สรุปแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเซอไพร์ส หรือซับซ้อน แต่ด้วยความที่หนังนั้นดำเนินสไตล์ดิสนีย์จ๋า ไม่มีพิษภัยใดๆแก่คนดู (ทั้งๆที่ปมและสงคราม การต่อสู้การเข่นฆ่านั้นถ้ามองจริงๆแล้วค่อนข้างโหดร้ายและป่าเถือนเอามากๆ) ถูกทำออกมาให้ซอฟลง ดูได้เพลินตา ถ้าใครชอบภาคแรกแล้วคงจะหลงรักในภาคนี้ได้ไม่ยาก 7.5/10 อ่านต่อ